อ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน
15 นาทีทุกวัน
สร้างมหัศจรรย์แห่งชีวิต
—
คุณหมอประเสริฐ ได้แนะนำแม่ๆ ไว้น่าสนใจมากค่ะ ว่า การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังให้ประโยชน์มากมายหลายด้าน ดังนี้ค่ะ
—
เรื่องแรกสุดคือสร้างสายสัมพันธ์ (attachment)
ดังที่ทราบกันแล้วว่าพัฒนาการที่สำคัญที่สุดในช่วง 3 ขวบปีแรกของมนุษย์คือการสร้างสายสัมพันธ์กับแม่ หรือพ่อ อย่างแข็งแรงมากที่สุด
—
สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในสามขวบปีแรกนี้จะทำหน้าที่กำกับชีวิตของเด็กๆให้อยู่ในเส้นทางที่ดีตลอดกาลนาน
—
การอ่านหนังสือวันละ 15 นาทีให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นกิจกรรมที่ง่ายมากในการประกันว่าพ่อแม่จะได้อยู่ใกล้ลูกแน่ๆ อย่างน้อยก็ทุกวันๆละ 15 นาที
—
ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง ได้แตะเนื้อต้องตัว และมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้เด็กเล็กสามารถสร้างพ่อแม่ที่มีอยู่จริงขึ้นมา สร้างสายสัมพันธ์กับพ่อแม่ และสร้างตัวตน (self) ที่แข็งแรงมากในที่สุด
—
ตัวตนคือรากฐานของพัฒนาการอีกหลายๆ เรื่องในอนาคต
—
พัฒนาการด้านภาษา
ระหว่างที่พ่อแม่ลูกนอนอ่านนิทานด้วยกัน เด็กเล็กจะมองเห็นเส้นสายตัวอักษรคืออักขระ และได้ยินเสียงพ่อแม่อ่านหนังสือไปตามอักขระ
—
ด้วยกระบวนการนี้ทุกวัน วันละ 15 นาที สมองของเด็กจะพัฒนาความสามารถที่เรียกว่าการให้สัญลักษณ์ (symbolization)
—
กล่าวคือรู้ว่า “เส้น” มิได้เป็นเพียงแค่เส้น แต่มีสัญลักษณ์ซ่อนอยู่ภายใต้เส้นนั้น นี่คือโครงสร้างที่สำคัญมากของสมองในวันหน้า นั่นคือความสามารถที่จะให้สัญลักษณ์ ใช้สัญลักษณ์ และถอดความหมายของสัญลักษณ์
—
เป็นรากฐานของการใช้ภาษาทั้งการอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์ ไม่นับศาสตร์ด้านอื่นๆ รวมทั้งความสามารถที่จะใช้อุปมาอุปมัย (metaphor)
พัฒนาการด้านการคิด
เด็กเล็กไม่เพียงเห็นเส้นสายที่ก่อรูปเป็นอักขระ แต่เขาจะเห็นรูปภาพประกอบนิทานด้วย เช่น ช้าง
—
รูปช้างที่เด็กเห็นในวันแรกจะกระตุ้นวงจรประสาทในสมองให้ทำงาน วงจรประสาทที่ถูกกระตุ้นนั้นจะได้เห็นและรับข้อมูลรูปภาพอื่นๆ อีกในเวลาต่อมา เช่น ช้างจากหนังสืออีกเล่มหนึ่ง
—
ทำให้วงจรประสาทนั้นพัฒนาไปอีก ช้างคือสัตว์ที่มีหูใหญ่ มีอะไรบางอย่างที่ยืดยาวออกมาระหว่างตา และใจดี ความคิดเรื่องช้างจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน
—
มีบ้างบางวันที่เด็กเล็กนอนหลับตาฟังนิทานโดยไม่ดูรูป สมองของเขาจะวาดภาพช้างตัวใหม่ขึ้นมาอีก ช้างนั้นจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วแต่สมองรับรู้เรื่องช้างมากน้อยเพียงใด
—
ที่มหัศจรรย์คือถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นช้างจริงๆ เดินในสวนสัตว์ แต่ช้างในสมองของเขาก็ยังมีหลายรูปแบบให้เขาเลือกใช้และต่อยอดความคิดไปตามสถานการณ์
—
จะเห็นว่านี่คือสมองที่เปิดกว้างและไร้ขีดจำกัดอย่างแสนมหัศจรรย์
—
พัฒนาการด้านสติปัญญา
สติปัญญาที่แท้เกิดจากความเชื่อมโยง (connection) มิได้เกิดจากความจำหรือการท่องจำ
—
การอ่านนิทานก่อนนอนทุกวันๆ ละ 15 นาทีจนกระทั่งสร้างนักอ่านขึ้นมาจนได้ในตอนท้ายจะช่วยให้สมองของเขามีวงจรประสาทนับล้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ไม่แยกส่วน สามารถเชื่อมศาสตร์หนึ่งไปสู่อีกศาสตร์หนึ่งโดยอัตโนมัติอย่างที่เรียกว่าไม่ต้องพยายามคิดหัวแทบแตก
—
สมองจะพัดพาความคิดไปเอง เช่น จากช้างเอราวัณของพระอินทร์ เชื่อมไปสู่โครงสร้างทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นต้น
—
เรื่องจิตใจ
นิทานก่อนนอนในปฐมวัยเป็นการผจญภัยไปในดินแดนต่างๆ ในบ้าน นอกบ้าน ในโลก นอกโลก ใต้น้ำ อวกาศ ใต้ดิน ยอดเขา ไปจนถึงในจินตนาการ เช่น บนเขาไกรลาศหรือยอดเขาโอลิมปัส
—
ด้านเนื้อเรื่องของนิทานก็มีตั้งแต่สุขสันต์นิรันดรไปจนถึงเรื่องราวด้านมืดของความเป็นมนุษย์ คือ รัก โลภ โกรธ หลง ชีวิต ความตาย รวมทั้งภูตผีปีศาจ
—
สารพัดเรื่องราวที่จะเข้าไปรวบกวนจิตใจ ทั้งด้านบวกด้านลบด้านสว่างด้านมืดด้านดีด้านร้าย ทำให้จิตใจต้องพัฒนากลไกป้องกันตัวทางจิตใจในระดับจิตใต้สำนึก (unconscious defense mental mechanism) เพื่อเตรียมรับมือความเป็นจริงของชีวิต (reality) ที่จะมีทั้งสุขทุกข์ดีร้ายและร้ายที่สุดเวียนกันเข้ามาหา การอ่านนิทานก่อนนอนคือการสร้างเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
—
วินัยการนอน
จริงอยู่ที่ว่า 15 นาทีนั้นตอนไหนก็ได้ แต่ 15 นาทีก่อนนอนมีประโยชน์ของแถมบางข้อ
—
ที่สำคัญคือการจัดสภาพแวดล้อมก่อนนอนให้สงบ ห้องนอนหรือเขตนอนไม่กว้างเกินไป สะอาด ปราศจากฝุ่น ไม่รกรุงรังเกินสมควร ไฟสว่างพอที่จะอ่านหนังสือแต่ไม่รบกวนการนอน
—
พ่อแม่ตัวเป็นๆ มาอยู่ด้วยกัน วางมือถือ อ่านนิทานด้วยน้ำเสียงสงบพอสมควร เหล่านี้เป็นการเตรียมคลื่นสมองการนอนเข้าสู่ระยะพักเพื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่การนอนระยะต่อไป อันจะนำไปสู่การนอนที่สงบ ลึก ได้พักผ่อน และการฝันที่ดี เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป
—
คือการพักเครื่อง จัดระเบียบข้อมูลในแต่ละวัน เพื่อเตรียมตัวตื่นขึ้นพบวันใหม่ อันจะทำให้ได้สมองที่ดีที่สุด